วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความจริง

ช่วงนี้ ที่บ้านเณรใหญ่
อยู่ในช่วงของการประเมินผล
ซึ่งอันที่จริง ก็มีการประเมินผลหลายหลายอย่าง
ทั้งระดับบ้าน ระดับชั้นระดับชมรม และกลุ่มงาน
นอกจากนี้ ก็ยังมีการประเมินผลที่ดูจะเป็นไฮไลท์หน่อย
ก็คงจะเป็นเรื่องการประเมินผลส่วนตัว

การประเมินผลส่วนตัว
โดยมากก็จะเป็นเรื่องของความจริง
ความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาธารณะหรือส่วนตัว
หลายคนเห็นว่าความจริงเป็นสิ่งที่จะต้องนำกันมาบอกในช่วงนี้
ในขนาดที่หลายหลายคนอยากรู้ว่า "ความจริงคืออะไร?"

แต่สิ่งที่น่าแปลกที่พบเห็นได้อยู่บ่อยบ่อยคือ
การยอมรับความจริง

ที่ว่าน่าแปลกก็คือว่า
ความจริงที่พบเห็น หรือ ความจริงที่เกิดขึ้น
หลายๆเรื่องเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนอื่นคิดถึงเกี่ยวกับตัวเรา
หรือความจริงที่เราอยากให้คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวเรา

ถ้าความจริงนั้นเป็นสิ่งที่เราอยากรู้
หรือ เราอยากให้คนอื่นรู้ แล้วผู้ที่รู้ความจริงนั้นรับกันง่ายง่ายก็คงจะดีไม่น้อย
แต่หลายคน รู้ความจริง แต่ยากที่จะยอมรับความจริง

การยอมรับความจริงบางครั้ง
ไม่ใช่แค่ในระดับสมอง แต่ต้องใช้จิตใจไตร่ตรอง
เพื่อจะยอมรับ มีหลายคนที่ยอมรับไม่ได้
และไม่เข้าใจกับความจริงที่ได้รับการเปิดเผย
บางคนรับและเข้าใจความจริง แค่เพียงในระดับที่ตัวเองต้องการ
หรือตีความเพียงเท่าที่อยากจะรับรู้

สำหรับผม พบว่าบ่อยๆเช่นกันที่ความจริง
เป็นเรื่องที่รับและยอมรับได้ยาก

การเผชิญหน้ากับความจริง
จึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายทีเดียว
แต่หากลองเปิดใจและยอมรับกับความจริงที่ต้องเผชิญได้
ผมคิดว่าคงต้องอาศัยพระพรของพระมากทีเดียว
และที่น่าจะสำคัญมากกว่าความจริงระดับล่าง ระดับพื้นพื้นที่ใครก็เข้าใจได้
คือ การเข้าใจว่าแท้จริงแ้ล้วความจริงที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา
มีเพียงเรื่องเดีียวคือ การยอมรับในองค์ความจริง
ก็อย่างที่พระเยซูเคยบอกว่า
"เราคือ หนทาง ความจริง และชีวิต"

สำคัญคือ หากอยากจะรู้ความจริงทั้งครบ
ต้องเปิดใจ ยอมรับ และให้โอกาสกับความจริงนั้น
เพื่อความจริงนั้นจะได้เปิดเผยตัวเองทั้งครบ
ไม่ใช่เพียงแค่บางด้านที่เราอยากรับรู้
หรือบางด้านที่เราอยากจะยอมรับมันแค่นั้น

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระเยซูเป็นเอเชียน

ผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนครับ
(จะบอกทำเพื่อ???)
ที่อยากจะบอกจริงจริง ก็คือ

"พระเยซูเจ้า เป็น ชาวเอเชีย" ครับ

น่าแปลกที่ผมน่าจะรู้และตระหนักเรื่องนี้ได้นานแล้ว
ว่าพระองค์เกิดและโตในทวีปเดียวกันกับผมและพวกเราทุกคน

แต่คงเพราะคริสตศาสนาไปโตในยุโรป
จึงไม่น่าแปลกถ้าใครจะคิดว่าพระองค์เป็นชาวยุโรป

ทั้งทั้งที่จริงแล้ว พระองค์เป็นเอเชียน ครับ

ผมภูมิใจที่ได้เกิดร่วมทวีปกับพระองค์ครับ
มากพอพอกับที่รู้ว่าแค่นี้ไม่พอ

"ผู้ใดทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา" (มก.
3:35)

บางที เราจะมีความภูมิใจภายนอกแบบนี้ ไว้เพื่อ???
หากความภูมิใจนี้ ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเรา

ใกล้เคียงกับความเป็นพระองค์เลย

พระอวยพร

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คำอวยพร

พอดีมีน้องมาทวง
ให้ผมอวยพระวันเกิดให้น้องเขา

พออวยพรแล้วก็รู้สึกว่ามีสาระดีดีพอจะแบ่งปันได้

เลยอยากเอามาโพสต์

เผื่อว่าได้ลืมอวยพรวันเกิดของใครอีกหลายคน

อยากบอกว่า...

ไม่ได้ตั้งใจจะลืมใครสักคนเดียวหรอกครับ

แต่ก็นะ... แก่แล้วก็หลงหลงอย่างนี้แหละครับ

เอาเป็นว่า
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดทุกๆคนตลอดเดือนนี้ละกันครับ

เอ้ามารับพรกัน


"วันเกิด ก็ให้นึกถึงพ่อถึงแม่ไว้
ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดเรา เป็นผู้มีพระคุณกับเรา
ถ้าไม่มีท่านคงไม่มีและเป็นเราในวันนี้

หนูไม่ต้องเปงลูกที่เก่งก็ได้ส้ม
แต่หนูต้องเป็นลูกที่ดี และไม่ใช่แค่ให้พ่อแม่ภูมิใจ
แต่ต้องให้พระเจ้าภูมิใจในตัวหนูด้วย
เป็นคริสตชนที่ดี เป็นเยาวชนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี
เป็นความรักให้กับคนที่อยู่รอบๆตัวหนู
ให้เค้าเห็นพระที่อยู่ในตัวหนู

วันนี้อาจจะยังไม่ค่อยได้ หรือว่ายังเป็นได้ไม่ดี
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไม่ได้หนิ

เด้อเชื่อว่า หนูจะเป็นได้อย่างแน่นอนและเป็นได้ดีด้วย

ถอดสภาพความเป็นส้มออก และสวมทับด้วยพระคริสตเจ้า
เพื่อจะได้พูดอย่างเต็มปากว่า ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่ดำรงชีวิต
แต่เป็นพระคริสต์ที่ทรงดำรงอยู่ในข้าพเจ้า

วันเกิดก็เป็นเพียงวันหนึ่ง หากส้มไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าเหล่านี้

ที่มีและรอที่จะฉายแสงอย่างสง่างามในตัวส้ม
จงเป็นส้ม และเป็นส้มให้ดีที่สุด

เด้ออวยพรไม่ได้หรอก ให้พระอวยพร

และประทานสิ่งที่จะเป็นประโยชน์
สำหรับการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระองค์นะ"

พระเจ้าสถิตกับเราครับ
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดทุกทุกคนนะครับ

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นิ้วโป้ง

ถ้าตอนนี้...
มีใครซักคนบอกว่า
นิ้วโป้งไม่สำคัญ ผมคงไม่เชื่อ

ช่วงนี้รู้สึกว่า นิ้วโป้งมีปัญหา
พึ่งรู้เหมือนกันว่าใช้ประโยชน์จากนิ้วโป้งมากมาย
และนิ้วโป้งเป็นส่วนที่สำคัญในชีวิต

แม้นิ้วโป้งจะดูเล็กๆสั้นๆตันๆ
ไม่สวยเหมือนนิ้วชี้ กลาง นาง ก้อย
แต่พอข้างนึงซ้น ข้างนึงบวม
ชี้ กลาง นาง ก้อย ช่วยอะไรไม่ได้เลย

บ่อยๆที่ผมอยากเป็นคนสำคัญ
แต่ก็เป็นเหมือนแค่นิ้วโป้ง
ที่ สั้น ตัน แลดูจะไม่ค่อยสวย

ผมเป็นนิ้วโป้งที่ชอบดูถูกตัวเอง
ดูถูกตัวเองว่าผมก็แค่นิ้วโป้ง
แล้วจะทำอะไรได้มากมาย

ตอนนี้สำนึกแล้วว่า
"นิ้วโป้ง"
ไม่ได้มีไว้แค่มีอยู่
แต่นิ้วโป้งเป็นส่วนหึ่งของร่างกาย

นิ้วโป้งที่สั้น ตัน เตี้ย คงกำลังสอนผมว่า
ความสำคัญของมัน ไม่ใช่แค่การมีอยู่
แต่คือการเป็นนิ้วโป้ง

ความสำคัญอีกอยางที่ได้มาและสำนึกได้ในตอนนี้
แท้จริงแล้วความสำคัญไม่ได้อยู่ที่บุคคลหรือสิ่งใด
ที่ให้ความสำคัญกับเรา
หากแต่เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของผมที่ทรงรัก
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่า "เราสำคัญ"

แม้เป็นนิ้วโป้ง ก็จงเป็นนิ้วโป้งให้ดีที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

บุษกร

อาทิตย์ก่อนตอนอยู่บ้านป่ากล้วย
ผมมีโอกาสรู้จักกับน้องคนหนึ่งชื่อบุษกร

เป็นเด็กชายอายุสี่ขวบ หน้าป้านป้าน ตาหยี่หยี่

เราเจอกันในวัดตอนมิสซาเย็น
ผมบอกเค้าว่า เราเป็นเพื่อนกัน

เพราะชื่อมีคำว่า กร เหมือนกัน

รุ่งขึ้นผมกับน้องน้องในหมู่บ้านเล่นซ่อนแอบกัน
มีอยู่ตาหนึ่ง บุษกร ถูกจับได้

เค้าวิ่งมาหาผมด้วยแววตาใสซื่อ แล้วตะโกนบอกผมว่า

กรูโดนโป้งแล้วหวะ ไอ้สัตว์

ผมอึ้งและงงครับ

ซิสเตอร์ท่านหนึ่งจึงดุบุษกรว่า

พูดอย่างนี้กับบราเดอร์ได้อย่างไร


บุษกรยิ้มและตอบซิสเตอร์ด้วยแววตาใสซื่อว่า

อ๋อ เป็นเพื่อนกัน

ผมหัวเราะก๊ากเลยครับ

ไม่โกรธน้องนะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันจริงจริง

ถูกของบุษกรครับ

จริงอย่างที่พระเยซูว่า

เด็กแบบนี้แหละครับ เหมาะที่จะเข้าอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์

มาคิดดู
ทุกวันนี้ ชีวิตของผมเจือปนไปด้วยหลายสิ่งมากมาย

ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง และอำนาจ

มารู้ตัวอีกที ตัวผมเองก็ไม่ใสเหมือนเด็กเด็กซะแล้ว

เพราะปรุงแต่งมามากมายเหลือเกิน

พระเยซูช่วยผมด้วยในการกลับไปมีจิตใสใสแบบเด็กด้วยนะครับ

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

น้ำตก

สองสามวันที่แล้ว
มีโอกาสไปเที่ยวน้ำตกกับเด็กเด็กในหมู่บ้าน
ตามคำชักชวน ก็เค้าบอกว่า สูงและสวย
เราผู้ใหญ่สี่คนก็ชักขบวนเดินตามเด็กเด็กไป

แต่ปรากฏว่า
น้ำตกที่เห็นก็สูงจริงนะ
แต่ไม่ใช่ในมุมที่เราเคยเห็น
เพราะเป็นการมองจากมุมบนลงล่าง
ซึ่งสูงและสวยจริงอย่างเด็กเด็กว่า

แอบขำตัวเองนิดนิดว่า
ที่ผ่านมาเราเข้าใจผิดมาตลอดว่า
การมองน้ำตกจะต้องมองจากด้านล่าง
อันที่จริงมันต้องมองจากด้านบนต่างหาก
อย่างที่เด็กเด็กว่าจริงจริง

เพราะถ้าเราเห็นจากด้านล่างเราก็ไม่รู้ว่ามันสูงเท่าไร
แต่มองจากด้านบนของน้ำตกวันนั้น น้ำตกสูงจริง
ขอบใจน้องน้องที่สอนให้พี่รู้ว่า
การจะมองอะไรจากที่สูงไม่ใช่การมองจากข้างล่าง
แต่เป็นการมองจากข้างบนต่างหาก กิกิกิกิกิกิ
รักน้องน้องพวกนี้จังเลยยยยย

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ทางตัน

บ่อยบ่อยในชีวิต
เราก็ก้มหน้าก้มตาเดิน
เพื่อจะไป..ไป..ไป..และไป
ไปให้ถึงจุดหมาย(อย่างรวดเร็ว)

การมองของเรา
บางทีก็เห็นเพียง
พื้นที่เล็กเล็ก
หน้าเราไป...เพียงไม่กี่ก้าว
กว่าที่เราจะหยุด
และสำรวจทางที่เดิน ว่า... ใช่หรือไม่
เราก็ไปไกลเสียแล้ว

เพราะบ่อยบ่อย
ที่เราก็มันใจในทางที่เราเลือกเดิน
จนเราลืม... ลืมที่จะอ่าน
เครื่องหมาย ลืมที่จะดูป้ายจราจร
หรือดูป้ายบอกทางไป
รู้ตัวอีกที จุดหมายก็ไกลออกไป
หรือ ไม่ก็ชีวิตก็ถึงทางตันไปแล้ว

"สัญญาณแห่งกาลเวลา" ที่พระประทานให้
เป็นสิ่งที่เราละเลยไม่ได้จริงจริง

แต่ใช่ว่า ทางตันจะเลวร้ายหนิเนอะ
ใครใครก็พลาดได้ ใครใครก็หลงทางเป็น
ดีออกซะอีกด้วย เราจะได้ระมัดระวังมากขึ้น
ในการจะก้าวต่อต่อไป เพื่อจะได้ถึงจุดหมาย


คิดซะว่าโอกาสยังดี ที่เรายังถอยหลังได้
เพราะหลายคนไม่มีโอกาส รู้ด้วยซ้ำไปว่า
ตัวเองกำลังหลงทาง หรือ กำลังถึงทางตัน
ซ้ำร้ายกลับมุ่งมั่น มั่นใจ ที่จะเอาหัวชนกำแพงต่อไป
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็บอบช้ำมากมาย มากมายจริงจริง

เป็นกำลังใจให้ทุกคน
ที่พบทางตันของชีวิต
ขอให้อ่านสัญญาณของกาลเวลา
เครื่องหมายที่จะนำไปสู่เป้าหมายออกได้ไวไวละกัน

"ขอให้มีพระในชีวิต และมีความรักนำทาง"