วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ดีใจ...ตาย

ตามประสาโลก...
อาจไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ หรือชื่นชมยินดี
เมื่อมีใครสักคนที่เรารักหรือรู้จัก...จากไป

ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว
น้องแนน เยาวชน (ที่เราก็ไม่แน่ใจว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก) ในมิสซัง
ได้กลับไปสู่อ้อมกอดของพระบิดาบนสวรรค์...
คุณพ่อหลายองค์ที่นี่ พูดถึงน้องแนนอย่างชื่นชมว่า...
น้องเค้าได้เป็นพยานและแบบอย่างของผู้มีความเชื่อจริงจริง
เพราะในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าจะป่วยเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางหายขาด
แต่... น้องก็ได้ยอมรับและมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสายตาแห่งความเชื่อ
แถมยังได้ให้กำลังใจกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดด้วย ว่าต้องวางใจในน้ำพระทัยของพระเจ้า


บ่อยบ่อยในชีวิตที่คิดว่า... ถ้าวันนึงเราต้องตายจากไป
จะมีกี่คนกันนะที่ร้องไห้ให้เรา หรือว่า จะมีแต่คนที่ดีใจที่เราตายไป

แต่เมื่อเห็นชีวิตของน้องแนนแล้ว
เริ่มรู้สึกว่า...อยากให้มีคนดีใจในงานศพของเราบ้างเหมือนกัน
ไม่ใช่เพราะว่า.. “(ไอ้นี่)ตายซะได้ก็ดีนะ
แต่เพราะดีใจที่ว่า...
คนคนนี้เป็นคนที่ได้ดำเนินชีวิต
เป็นแบบอย่างและเป็นพยานถึงพระเจ้า
ที่เขาเชื่อถึงอย่างดีจริงจริง

ปล. ขอบคุณแนน แม้ไม่แน่ใจว่า เรารู้จักกันหรือเปล่า?
แต่ชีวิตของแนนได้ให้อะไรกับคนที่ไม่รู้จักอย่างบราเดอร์
เชื่อว่าแนนคงอยู่กับพระบนสวรรค์แล้ว วอนขอพระองค์
เผื่อบราเดอร์บ้างนะ แล้วบราเดอร์ก็จะภาวนาให้เหมือนกัน

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เรื่องหนักหนัก

ช่วงนี้มีสองสามเรื่องที่ต้องคิดหนักๆ
เรื่องแรก...
เรื่องเรียน
เรื่องที่สอง...
เรื่องรัก
แปลกไหม? เป็นบราเดอร์แล้วพูดอย่างนี้

เรื่องเรียน ก็เรื่องสารนิพนธ์
และก็งานอื่นๆ อีกเล็กน้อยที่จะต้องทำ
แล้วก็ต้องเตรียมตัวสอบด้วย

ส่วนอีกเรื่อง ก็เรื่องรัก
ช่วงปีหน้ามีภารกิจ...
ที่จะต้องออกไปฝึกชีวิตการเป็นอภิบาล
คิดไว้บ้าง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจจะออกไปฝึกอะไรดี

อีกเรื่องที่ต้องคิดหนักๆ ก็เรื่องความรัก

ทั้งๆที่ก็คิดว่า... เราได้ตัดสินใจทางเดินของชีวิตไปแล้ว
แต่ ณ เวลานี้ คำถามของพ่อชายมันย้อนกลับมา
"จะนอนคนเดียวอีก 50 ปีข้างหน้าได้ไหม?"
คำถามสั้นๆที่เต็มไปด้วยประเด็นให้ขบคิด
เราในอีก 50ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร
อยู่ที่ไหน? และกำลังทำอะไรอยู่นะ ชักอยากรู้แล้วสิ

คิดไปคิดมา ก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า
"ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย เพราะเรายังมีพระองค์
แถมยังมีผู้คนรอบกาย ที่จะต้องรัก รัก รัก แล้วก็รัก
พร้อมทั้งต้องรับใช้เขาในสิ่งที่เราได้เลือกที่จะเป็น
ไม่เหงาสักหน่อยนี่น่า เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

เรื่องรักจบไป แต่เรื่องเรียนยังคิดไม่ตก
จะทำไงดี คงมีวิธีเดียว คือ เลิกคิดแล้วก็ลงมือทำสินะ
เฮ้อ!!! น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ

ปล. เขียนจากอารมณ์เหงาๆของชีวิต
ตอนนี้พอเข้าใจแล้วว่า...
ทำไมคุณแม่เทเรซาถึงได้น้อยใจพระเจ้า
ก็เนอะเรายังเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกนี่น่า
ถึงจะบ่นก็เหอะ เราก็ยังรักพระองค์อยู่ดี

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

the Happiest Loser~*

ปีนี้ได้เข้าชิงบาสสองหน เมื่อวานนี้เป็นหนที่สอง
และเป็นหนที่สองที่เราเป็นพระรองไม่ใช่พระเอก
หนแรกที่บ้านเณรกับน้องปีหนึ่ง หนนี้กับสีเขียว

เมื่อวานนี้ เรานำก่อน แต่เราแพ้
สกอร์น้อยมากๆ 40 นาที
26-27 แต้ม เราทำ 11 แต้ม
แต่ก็ไม่ดีพอสำหรับเกมส์อัจฉริยะข้ามคืน (เอ๊ะ สงสัยจะไม่เกี่ยว)

แต่ทั้งๆที่แพ้กลับรู้สึกอิ่มใจอย่าบอกไม่ถูก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
อาจจะเป็นเพราะ...
ขาเดินกลับมาจากสนาม
มีหลายคนที่ได้ให้กำลังใจ
แถมยังชมว่าเราเล่นได้ดี เล่นได้เก่ง
แอบดีใจ แถมลืมตัวไปพักนึง นึกว่าชนะ...
แอบคิดนิดนึงว่า... ชัยชนะที่พระเยซูเจ้าได้รับเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ
ชัยชนะต่อการยอมรับต่อทุกๆกิจการที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระองค์


ขอบคุณพระองค์ที่ได้สอนให้รู้ว่า
การเป็นคนแพ้ก็มีความสุขได้เหมือนกัน
ขอบคุณใครสักคนสำหรับกำลังใจที่ให้ส่งให้มาเมื่อวานเรามีเกมส์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ขอบคุณเพื่อนๆสีฟ้า น้องๆสีแดง+สีเหลืองและคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้ออย่างสีเขียว
ขอบคุณเกมส์ที่ทำให้มีเกมส์ที่ยิ่งใหญ่ก่อนจบชีวิตนักศึกษาชั้นปรัชญา

ขอบคุณจริงจริง...