วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ทางตัน

บ่อยบ่อยในชีวิต
เราก็ก้มหน้าก้มตาเดิน
เพื่อจะไป..ไป..ไป..และไป
ไปให้ถึงจุดหมาย(อย่างรวดเร็ว)

การมองของเรา
บางทีก็เห็นเพียง
พื้นที่เล็กเล็ก
หน้าเราไป...เพียงไม่กี่ก้าว
กว่าที่เราจะหยุด
และสำรวจทางที่เดิน ว่า... ใช่หรือไม่
เราก็ไปไกลเสียแล้ว

เพราะบ่อยบ่อย
ที่เราก็มันใจในทางที่เราเลือกเดิน
จนเราลืม... ลืมที่จะอ่าน
เครื่องหมาย ลืมที่จะดูป้ายจราจร
หรือดูป้ายบอกทางไป
รู้ตัวอีกที จุดหมายก็ไกลออกไป
หรือ ไม่ก็ชีวิตก็ถึงทางตันไปแล้ว

"สัญญาณแห่งกาลเวลา" ที่พระประทานให้
เป็นสิ่งที่เราละเลยไม่ได้จริงจริง

แต่ใช่ว่า ทางตันจะเลวร้ายหนิเนอะ
ใครใครก็พลาดได้ ใครใครก็หลงทางเป็น
ดีออกซะอีกด้วย เราจะได้ระมัดระวังมากขึ้น
ในการจะก้าวต่อต่อไป เพื่อจะได้ถึงจุดหมาย


คิดซะว่าโอกาสยังดี ที่เรายังถอยหลังได้
เพราะหลายคนไม่มีโอกาส รู้ด้วยซ้ำไปว่า
ตัวเองกำลังหลงทาง หรือ กำลังถึงทางตัน
ซ้ำร้ายกลับมุ่งมั่น มั่นใจ ที่จะเอาหัวชนกำแพงต่อไป
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็บอบช้ำมากมาย มากมายจริงจริง

เป็นกำลังใจให้ทุกคน
ที่พบทางตันของชีวิต
ขอให้อ่านสัญญาณของกาลเวลา
เครื่องหมายที่จะนำไปสู่เป้าหมายออกได้ไวไวละกัน

"ขอให้มีพระในชีวิต และมีความรักนำทาง"

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ทฤษฎีรัก

วันนี้มีเวลาว่างนิดหน่อยช่วงเช้า
เลยเปิดไปตามไฟว์ของคนที่รู้จักมักจี่ด้วย
อ่านหลายหลาย journal ก็ได้ข้อคิดดีดีมากมาย
หลายอันก็เห็นด้วย หลายอันก็เห็นต่าง
เช้านี้ ไปสะดุดอยู่กับ journal อันนึง
ที่เขาเขียนถึง
"ทฤษฎีทำร้ายคนรัก"

ด้วยความสัตย์จริง...
ไม่ได้ ไม่เห็นด้วยกับวิธีการเขียน
วิธีการคิดของเจ้าของ journal นั้นนะ
แต่แอบไม่เห็นด้วยกับเจ้าของทฤษฎีนี้
(ในมุมที่คนเขียน journal เอามาถ่ายทอดนะ)

เพราะว่าเรารู้สึกตะหงิดตะหงิดนิดหน่อย
แล้วอย่างนั้น หมายความว่า
คนที่ทำร้ายกัน เค้ารักกันเหรอ
แบบ...
(อย่ายกตัวอย่างเลย ช่วงนี้บ้านเมืองยิ่งหน้าสิ่ว
หน้าขวานอยู่ ต้องวางตัวเป็นกลาง)
เพราะถ้าไม่ได้เป็น "คนรัก" ของกันและกัน
เค้าคงไม่ทำร้ายกันใช่เปล่า???


โดยส่วนตัว เรารู้สึกว่า "ทฤษฎีทำร้ายคนรัก"
เป็นแค่ทฤษฎีจริงจริง เป็นจริงไม่ได้หรอก
เพราะถ้ารักกันจริง คงไม่ทำร้ายกันหรอก
ทฤษฎีที่น่าจะเกิดขึ้นได้มากกว่าน่าจะเป็น
"ทฤษฎีของคนไม่รักกัน"
หรือ "ทฤษฎีของคนรักไม่เป็น" มากกว่า
เพราะคนที่รักกัน เค้าไม่ทำแบบนี้ (เหมือนเพลงยังไงไม่รู้)

ดังนั้น (เด๋วจะหาว่าวิพากษ์อย่างเดียว)
เราเสนอว่า ไม่ว่าจะทฤษฎีไหนที่อาจจะเกิดขึ้น
บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ในกรณีนี้
จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเรารู้จัก "ทฤษฎีรักแท้"

คงจะมีคำถามตามมาว่า...
"แล้วมันอยู่ที่ไหน?? หละ 'รักแท้' ตัวนี้"

ในมุมมองของเรา..
ชายคนหนึ่งที่เค้าเรียกตัวเองว่าเป็น "ความรัก"
ได้อธิบายไว้แล้ว และศิษย์ของเค้าก็ได้ย้ำอีก
ใน "ความหมายของรักแท้" ลองเปิดพระคัมภีร์ดูดิ
(ไม่ใช่ไม่อยากบอกนะ แต่...
ถ้าอยากรักเป็นก็ออกแรงกันหน่อยนะ
จะได้พิสูจน์ว่า รักเรามันมีค่าแค่ไหน??)
และมันก็จะเป็นจริงได้ถ้า...
มันอยู่ที่สมอง ที่จะต้องลงมาที่ใจ และไปสู่มือ


ปล.ใครที่หาไม่เจอจริงจริง
ติดต่อมา เด๋วจะบอกให้ละกัน

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

~คำแม่ พูดไม่เยอะ~

อาทิตย์ที่แล้ว
มีเหตุให้ต้องไปพบผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
แต่เนื่องจากรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
ว่าจะติดภารกิจในวันที่นัด
จึงเดินทางเพื่อไปพบก่อน
และถามถึงความเป็นไปได้
ที่จะขอเลื่อนประชุม

แต่ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้น
ก็หนักแน่นมากว่าไม่ให้เลื่อน
และจะต้องยกเลิกงานที่รับอยู่ก่อนแล้ว
(ไม่ลงในรายละเอียดละกันนะ)
เอาเป็นว่าที่สุดแล้ว ก็ตกลงได้ว่า
ไม่ต้องยกเลิกงาน แต่เลื่อนวันประชุม
ไปเป็นวันถัดไป ตอนสิบโมง

จากที่ที่บ้านเราไป
กับที่จะต้องไปพบ
ก็นับว่าไกลโข่อยู่

วันนัดเราก็ออกแต่เช้า
เพราะกลัวรถจะติด
แล้วก็จะไปช้ากว่านัด

พอไปถึงปั๊บ คุยได้ประมาณสองนาที
จบข่าว เพราะท่านจำประเด็นที่จะคุยด้วยไม่ได้
ทั้งทั้งที่วันนั้น(วันที่เราไปขอเลื่อนนัดอะ)
ก็ว่าเราเป็นวักเป็นเวรว่า ไม่เป็นผู้ใหญ่
ไม่รับผิดชอบนู่นนี่ เพราะต้องมีหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจ
ที่ต้องลงความเห็นร่วมกัน ทำไมไม่ให้ความสำคัญ
พอเอาเข้าจริงกลับไม่พูดเรื่องที่พูดถึงเลย

งานที่เรารับ ก้อรับก่อนที่ท่านจะนัด
นัดกันก่อนเป็นเดือน ไปเลื่อนนัด เราก็ไปด้วยตัวเอง
คิดเหมือนกันนะว่า คงจะได้ผลสรุปกับการประชุม
แต่ก้อไม่ได้อะไรเลย แค่พูดกับเราแค่สองนาที
แค่นั้นจริงจริง เดินทางไปกลับใช้เวลาเกือบ 6 ชม.

วันนั้นหงุดหงิดใจมาก ว่าเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไรวะ
คนแบบนี้ เป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไงวะ ไม่เข้าใจ

กลับมาบ้าน เจอแม่ บ่นให้แม่ฟัง
แม่ฟังจนจบ ตอบกลับประโยคเดียว
"เค้ารักมรึงมาก คงอยากเจอมรึง
ให้หายคิดถึง ไปคิดอะไรมาก"
วันนี้แอบงอนแม่นิดนิด แม่ไม่เข้าใจลูก

อาทิตย์ผ่านไป
วันนี้อาบน้ำประโยคที่แม่บอก
ดันแว่บเข้ามาในหัว
อาจจะจริง ที่แม่เป็นคนมองโลกในแง่ดี
แต่ทำไม กรูไม่ได้เชื้อการมองโลกนี้มาจากแม่เลยวะ

ขอบคุณแม่ที่ทำให้ได้สติ แม้จะช้าไปเป็นอาทิตย์ก็ตาม